เปิดพฤติการณ์ นานา ไรบีนา เสียหาย195ล้าน เผย คนใกล้ชิด-เพื่อนสนิทเข้าแจ้งความ


เปิดพฤติการณ์ นานา ไรบีนา เหยื่อ 17 คน สูญกว่า 195 ล้านบาท พบลวงลงทุนไม่จริงหลายรูปแบบ ผบก.ปอศ. ตอบแล้ว ทำไมไม่รับมอบตัว หลังทนายสายหยุดพามาพบตร.


เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 3 ธ.ค.2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำ นานา ไรบีนา ว่า เมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนสนิทของผู้ต้องหาทยอยมาร้องทุกข์ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหาย 17 ปาก ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับและหมายค้น

เปิดพฤติการณ์ นานา ไรบีนา เหยื่อ 17 คน สูญกว่า 195 ล้านบาท พบลวงลงทุนไม่จริงหลายรูปแบบ ผบก.ปอศ. ตอบแล้ว ทำไมไม่รับมอบตัว



นำไปสู่ปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตำรวจตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สินบางส่วน เช่น รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม ของสะสม Art toy 11 ชิ้น เครื่องเพชรประมาณ 50 ชิ้น เครื่องประดับ นาฬิกา รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท


ส่วนพฤติการณ์ที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดของ นานา 17 คนเข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท มีลักษณะเป็นการชวนผู้เสียหายไปลงทุนใน 4-5 กิจกรรม เช่น




ชวนลงทุนปล่อยสินเชื่อ ปล่อยเงินกู้ อ้างจะให้ค่าตอบแทน 4-7 เปอร์เซ็นต์

อุปโลกน์คนขึ้นมาเพื่อเทรดหุ้น ซึ่งทั้งการเทรดหุ้นและปล่อยสินเชื่อไม่มีอยู่จริง

ทำสนามบาสเกตบอล

การเปิดร้านอาหารในต่างประเทศ

โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่มีข่าวหลุดออกมาแล้วว่าเข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ คือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นการชวนไปลงทุนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่มีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายหลายรายไม่ประสงค์ปรากฏเป็นข่าว


อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาก็มีประเด็นที่อยากจะชี้แจงต่อตำรวจ เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ว่าการกู้ยืมเงินลักษณะที่ทำนั้นผิดกฎหมาย และคิดว่าจะหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายได้

ซึ่งนานาจะยื่นประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ทราบ แต่หากยื่นมา พนักงานสอบสวนก็มีหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ตามกฎหมาย ซึ่งหากยื่นมาก็มีสิทธิ์ได้ประกันตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็คือแชร์ลูกโซ่ เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งได้รายงานความผิดมูลฐานไปยัง ปปง. แล้ว ส่วนทรัพย์ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าได้มาก่อนหรือหลังการกระทำความผิด ซึ่งความผิดหลักเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ก็ต้องตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมด และส่งให้ ปปง. ดำเนินการ

ส่วน เวย์ ไทเทเนี่ยม หรือ นายปริญญา อินทชัย สามีของ นานา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตำรวจยืนยันจะตรวจสอบในทุกมิติ

สำหรับกรณีที่ นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนานา นำตัว นานา มาพบตำรวจเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่อ้างว่าไม่มีการรับมอบตัวนั้น เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงเวลา 17.00 น. อยู่นอกเวลาราชการ และขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับ ทำให้ยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว

ซึ่งวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เห็นตัวนานา มีเพียงทนายสายหยุดมาส่งเอกสาร ซึ่งการจะออกหมายเรียกหรือหมายจับเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน แต่คดีนี้อัตราโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถขอออกหมายจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_10044750